Field Density Test
บริการทดสอบความหนาแน่นของชั้นดิน
Field Density Test
บริการทดสอบความหนาแน่นของชั้นดิน
บริการการทดสอบหาค่าความหนาแน่นของดินในสนาม
การทดสอบหาค่าความหนาแน่นแห้งของดินในสนาม คือ การหาค่าความหนาแน่นเปียกและปริมาณความชื้นเปียกในบริเวณที่มีการบดอัดด้วยเครื่องจักร
ในการทดสอบหาค่าความหนาแน่นของดินในสนาม (Field Density) มี 3 วิธีหลัก ได้แก่:
- Sand Cone Method
วิธีนี้ใช้ทรายในการหาปริมาตรของหลุม โดยใช้ทราย Ottawa Sand ซึ่งเป็นทรายที่มีลักษณะเม็ดกลมและมีขนาดเท่ากัน (Uniform) หรือจะใช้ทรายที่ร่อนผ่านตะแกรงเบอร์ 20 ค้างตะแกรงเบอร์ 30 ก็ได้ เพื่อให้ผลความหนาแน่นที่เท่ากันและไม่เกิดการแยกตัวของเม็ดทรายขนาดใหญ่และขนาดเล็ก (Segregation) ขณะทดสอบ - Rubber Balloon Method
วิธีนี้ใช้น้ำในการหาปริมาตรของหลุม ซึ่งสะดวกและรวดเร็วกว่า Sand Cone Method โดยใช้ลมจากลูกบอลบีบอัดลงบนผิวน้ำในหลอดแก้วของเครื่องมือ เพื่อนำน้ำในหลอดแก้วไปดันลงในลูกโป่งยาง ซึ่งจะช่วยให้ได้ค่าปริมาตรของหลุมที่ถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น - Nuclear Method
วิธีนิวเคลียร์ใช้รังสีแกมม่า (Gamma Ray) ผ่านดินที่ต้องการทดสอบ และส่งสัญญาณไปยังเครื่องรับ หากรังสีสะท้อนกลับมากแสดงว่าความหนาแน่นของดินสูง ส่วนการหาปริมาณความชื้นจะใช้รังสีนิวตรอน (Neutron) ซึ่งสะท้อนกลับช้าหากมีความชื้นในดินมาก วิธีนี้สะดวกและรวดเร็ว แต่ค่าใช้จ่ายสูง
การทดสอบความหนาแน่นในงานก่อสร้าง
การทดสอบความหนาแน่นของดินในการก่อสร้างต่าง ๆ เช่น ถนน สนามบิน เขื่อนดิน และพื้นที่โรงงาน ต้องมีการบดอัดด้วยเครื่องมือเฉพาะตามชนิดของวัสดุ เมื่อทำการบดอัดเสร็จแล้วต้องตรวจสอบความแน่นว่ามีความสามารถในการรับน้ำหนักตามข้อกำหนดที่ออกแบบไว้หรือไม่ เช่น งานชั้นรองพื้นทาง (subbase) และชั้นพื้นทาง (base) ต้องบดอัดให้ได้ 100% ในขณะที่งานชั้นดินเดิมและดินถมต้องบดอัดให้ได้ 95%
การทดสอบความหนาแน่นของดิน
การทดสอบความหนาแน่นของดิน คือ การหาน้ำหนักของดินในบริเวณที่บดอัดแล้ว หารด้วยปริมาตรของหลุมที่ขุดดินออกมา การหาปริมาตรของหลุมจะต้องใช้วัสดุที่มีความแน่นและความถ่วงจำเพาะแน่นอน แล้วนำไปแทนที่ในหลุมที่ขุดออกมา การทดสอบนี้สามารถทำได้ด้วยวิธีใช้ทรายมาตรฐาน (Sand Cone Method) หรือใช้น้ำ (Balloon Density Method) ซึ่งมีขั้นตอนที่เหมือนกัน โดยการขุดดินบริเวณที่จะทำการทดสอบให้เป็นหลุมเล็ก ๆ นำดินที่ขุดออกมาชั่งหาน้ำหนัก และหาค่าความชื้นในดิน ก่อนที่จะหาปริมาตรของหลุมที่ขุดออกมา
สูตรการคำนวณความชื้นของดิน
หาก W คือเปอร์เซ็นต์ความชื้นของดิน สามารถคำนวณได้โดยการใช้ค่าความชื้นที่ได้จากการทดสอบตามขั้นตอนดังกล่าว เพื่อที่จะให้ได้ผลการทดลองที่ถูกต้องเหมาะสมตามความต้องการปริมาตรของหลุมที่เจาะทดลองและตัวอย่างดินที่เก็บไปหาเปอร์เซ็นต์ความชื้น จะต้องขึ้นอยู่กับขนาดใหญ่สุดของเม็ดดินดังนี้
ตารางที่ 1 ปริมาณดินที่เก็บไปหาปริมาณความชื้นต่อขนาดเม็ดดินและปริมาตรของหลุม
ขนาดใหญ่ที่สุดของเม็ดดิน | ขนาดใหญ่ที่สุดของเม็ดดิน | ขนาดใหญ่ที่สุดของเม็ดดิน |
---|---|---|
No.4 | 0.025 | 100 |
½ | 0.050 | 250 |
1 | 0.075 | 500 |
2 | 0.100 | 1000 |
การทดสอบในห้องปฏิบัติการ
ตัวอย่างดินที่เก็บได้ในภาคสนาม จะนำมาทดสอบหาคุณสมบัติทางกายภาพและทางวิศวกรรม ตามมาตรฐาน American Society for Testing and Materials (ASTM) โดยการทดสอบคุณสมบัติของดินในห้องปฏิบัติการ ใช้ทดสอบหาปริมาณความชื้นในดิน (Water Content) ตามมาตรฐานการทดสอบ ASTM D 1556 – 00
รายงานผลการทดสอบ
ประกอบด้วย:
- หนังสือรายงานผลการทดสอบ
- แผนผังบริเวณโครงการและตำแหน่งจุดทดสอบ
- วิธีการทดสอบ
- ผลการทดสอบ